การอ่าน
- ธัญญลักษณ์ ช่วยทัพพระยา
- Oct 15, 2020
- 1 min read
Updated: Aug 19, 2024
การอ่านเป็นปัจจัยสำคัญที่ใช้แสวงหาความรู้และความบันเทิง การอ่านทำให้รู้ข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวางทั่วโลก โลกของข้อมูลข่าวสารในปัจจุบันทำให้ผู้อ่านมีจินตนาการกว้างไกล ทันสมัย ทันต่อเหตุการณ์

การอ่านเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งนำมาซึ่งประโยชน์เพื่อพัฒนาตนเอง พัฒนาการศึกษา พัฒนาอาชีพ พัฒนาคุณภาพชีวิต ผู้ที่มีนิสัยรักการอ่านและมีทักษะการอ่านที่ดีจะสามารถแสวงหาความรู้และศึกษาเล่าเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถน้ำความรู้ที่ได้จากการอ่านไปใช้ในการพูดและการเขียนได้ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียนการอ่านนับว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการแสวงหาความรู้
ความหมายของการอ่าน
“พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยาสถาน พุทธศักราช 2554 (2556: 1405) ให้ความหมายของคำว่า "อ่าน" ไว้ว่า "ว่าตามตัวหนังสือ ถ้าออกเสียงด้วยเรียกว่าอ่านออกเสียง ถ้าไม่ออกเสียงเรียกว่า อ่านในใจ, สังเกตหรือพิจรณาดูเพื่อให้เข้าใจ เช่น อ่านสีหน้า อ่านริมฝีปาก อ่านใจ”
จากความหมายข้างต้นสรุปได้ว่า การอ่าน คือ กระบวนการทางความคิดในการรับสาร อาศัยการแปลเพื่อให้เข้าใจความหมายของตัวอักษร สัญลักษณ์ คำศัพท์ สำนวน ประโยค และถ้อยคำนั้น แล้วนำไปใช้ประโยชน์เพื่อพัฒนาตนเอง ทั้งด้านสติปัญญา สังคมและอารมณ์
การอ่านเป็นกระบวนการรับสารจากลายลักษณ์อักษรมาแปลความรู้ความเข้าใจโดยผ่านการคิด ประสบการณ์ ความเชื่อ เพื่อพัฒนาตนเองด้านสติปัญญา อารมณ์ และทางสังคม สิ่งสำคัญคือความเข้าใจในการอ่าน
ทักษะการอ่านโดยทั่วไปแบ่งได้ 2 ระดับ คือ "อ่านได้" กับ "อ่านเป็น"
อ่านได้ คือ การรับรู้สารที่ผ่านตัวอักษร อ่านออก สะกดคำได้ ออกเสียงได้
อ่านเป็น คือ เข้าใจเรื่อง จับใจความแนวคิดของเรื่องได้ แสดงความคิดเห็นและประเมิณเรื่องที่อ่านได้ เราควรพัฒนาระดับของการอ่านเริ่มตั้งแต่อ่านได้จนกระทั่งอ่านเป็น
จุดมุ่งหมายของการอ่าน
การอ่านหนังสือแต่ละครั้งจะมีจุดประสงค์เกิดขึ้นตามความต้องการของผู้อ่าน ซึ่งอาจต้องการศึกษาค้นคว้าข้อมูล หรืออ่านเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ การอ่านของแต่ละคนมีจุดมุ่งหมายแตกต่างกันออกไป ซึ่งแบ่งได้ดังนี้
1.อ่านเพื่อหาความรู้
- หนอนหนังสือ -
แปลว่า คนที่รักการอ่านเป็นชีวิตจิตใจ ชอบใฝ่หาความรู้ด้วยการอ่านเพื่อพัฒนาตนเอง
การอ่านตามจุดมุ่งหมายนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักศึกษา ได้แก่ การอ่านตำราวิชาการ บทความ สารคดี การวิจัยประเภทต่าง ๆ เพื่อเก็บสะสมข้อมูลความรู้ไว้ใช้ในการศึกษาเล่าเรียน การเขียนรายงาน การแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนความรู้ เพราความรู้ในวิชาหนึ่ง อาจนำไปช่วยเสริมในอีกวิชาหนึ่งได้นอกจากนี้ยังรวมถึงการอ่านเพื่อรู้ข่าวสาร เช่น การอ่านหนังสือพิมพ์ วารสาร ฯลฯ
2.อ่านเพื่อหาคำตอบ
เมื่อเราเกิดความสงสัยและต้องการหาคำตอบเรื่องใดเรื่องหนึ่ง การอ่านจะเป็นอีกทางหนึ่งที่จะทำให้เราพบคำตอบเหล่านั้น การอ่านในลักษณะนี้มักใช้เวลาในการอ่านระยะสั้น ๆ เพื่อสรุปจับใจความเท่านั้น เช่น อ่านข่าว อ่านประกาศ อ่านคำแนะนำ หรือในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น หากเราต้องการไปเที่ยวลำปาง เราต้องการทราบข้อมูลว่ามีสถานที่สำคัญที่ใดบ้างที่เราควรไป เข้าพักที่ไหนเสียค่าใช้จ่ายเท่าใด จะเดินทางอย่างไร ควรใช้เวลาในการท่องเที่ยวกี่วัน ข้อมูลจากการอ่านนี้จะช่วยในการคิดและตัดสินใจของเรา
3.อ่านเพื่อพัฒนาอาชีพ
การอ่านเพื่อแสวงหาความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ สามารถนำความรู้เหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ในงานอาชีพ พัฒนาปรับปรุงอาชีพของเราให้ดียิ่งขึ้นได้ เช่น เราอ่านคู่มือหรือหนังสือเย็บปักถักร้อยเพื่อการศึกษาแบบสินค้าที่แปลกแตกต่างไปจากเดิม แล้วนำมาต่อยอดผลิตภัณฑ์สำหรับการตัดเสื้อผ้าอาจได้แนวทางใหม่ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้ามากขึ้น สร้างผลกำไรและรายได้มากขึ้น
4.อ่านเพื่อพัฒนาจิตใจ
"ทำกายเป็นวัด ทำใจให้เป็นพระ"
เราสามารถศึกษาพระธรรมและปฏิบัติได้ทุกที่
ดังที่พระอริยสงฆ์กล่าวไว้
เป็นการอ่านเพื่อข้อคิดอันเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ทำให้จิตใจสว่าง สบาย และสงบมากขึ้น ได้แก่ หลักปรัชญา การอ่านหนังสือธรรมะ ในสมัยก่อนเราต้องไปฟังเทศน์ ฟังธรรมที่วัด แต่ในปัจจุบันเราอยู่ที่ไหนเราก็สามารถศึกษาธรรมะได้จากการอ่าน และสามารถปฏิบัติธรรมตามคำแนะนำที่พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านเขียนแนะนำไว้
5.อ่านเพื่อความบันเทิง
การอ่านที่ได้รับความเพลิดเพลิน สนุกสนาน ผ่อนคลายจากความเคลียดหรือความเหนื่อยล้า เป็นการหาความสุข ความเพลิดเพลินที่ทำได้ง่ายโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง ได้แก่ การอ่านหนังสือประเภทวรรณคดี บันเทิงคดี นวนิยายเรื่องสั้น นิทาน บทกวี เป็นการอ่านในยามว่างเพื่อผ่อนคลาย

Comments